วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เมืองไทย ต้องการ “ความพอดี”



ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน

อะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกมกีฬา

นักแสดงเล่นตามบท นักกีฬาเขียนสกริปท์ชีวิตด้วยหยาดเหงื่อ

ปรัชญา คำคม เหล่านี้คือบทสรุปของเทนนิส PTT Thailand Open 2010!

ใครจะไปเชื่อว่า ราเฟเอล นาดาล (อ่านว่า รา-เฟ-เอล หน่า-ดัลล์) นักเทนนิสมือ 1 ของโลกจะตกรอบรองชนะเลิศ ทั้งๆที่เพิ่งคว้าแชมป์แกรนด์สแลม รายการ ยูเอส โอเพ่น สถาปนาตัวเองเป็นชายคนที่ 7 ที่สามารถคว้าแชมป์รายการใหญ่ (แกนด์สแลม ทั้ง 4 รายการ = ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น, เฟรนช์ โอเพ่น, วิมเบิลดั้น & ยูเอส โอเพ่น) ที่อายุน้อยที่สุดอีกต่างหาก! ใครจะไปเชื่อว่านักกีฬาไทยทั้งในประเภทเดี่ยว (ดนัย อุดมโชค) & คู่ (สนฉัตร-สรรค์ชัย รติวัฒน์) ถูกหยุดเส้นทางไว้เพียงแค่รอบแรกเท่านั้น! ใครจะไปเชื่อว่านักกีฬาที่ชนะนักกีฬาไทยนั้นจะก้าวไกลไปถึงรองแชมป์ในประเภทเดี่ยว (ยาร์โก้ นีมิเน่น) และ แชมป์ในประเภทคู่ (คู่จากเยอรมันนี & เซอร์เบีย)! ใครจะไปเชื่อว่า มือ 53 ของโลก กิลเยร์โม่ การ์เซีย-โลเปซ จะคว้าแชมป์ในปีนี้ ทั้งๆที่มีนักเทนนิสซึ่งอันดับโลกสูงกว่าเขาลงแข่งขันถึง 8 คน! ใครจะไปเชื่อว่าท่านนายกอภิสิทธิ์นอกจากเตะบอลเก่งแล้ว ยังหวดลูกเทนนิสได้ไกล ไม่ธรรมดา แถมเป็นการหวดด้วยซ้ายอีกด้วย! สุดท้าย ใครจะไปเชื่อว่าภราดร ศรีชาพันธุ์ ที่มีร่างกายบึกบึน จิตใจแข็งแกร่งจากประสบการณ์ 13 ปีบนถนนเทนนิสอาชีพ แต่เมื่อถึงเวลาที่วีรบุรุษท่านนี้ต้องประกาศแขวนแร็กเกตอย่างเป็นทางการ กำลังใจจากคนนับหมื่นที่สนาม และ นับล้านจากทางบ้าน ก็ทำให้เราได้เห็นวินาทีน้ำตาลูกผู้ชายประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นครั้งแรก ครั้งสุดท้าย และ ครั้งเดียวของฮีโร่ไทยที่ครั้งหนึ่งเคยก้าวขึ้นไปเป็นมืออันดับ 9 ของโลก (ชมภาพประทับใจนี้ได้ใน youtube.com/champcheerthai) จากสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งผมมีโอกาสเข้าไปดูที่สนามตั้งแต่รอบแรก ถึง รอบชิง แม้กระแส นาดาล ฟีเวอร์จะแรงในระดับหนึ่ง แต่ในฐานะของคนทีวี & กีฬาที่อยากเห็นกีฬาไทยก้าวไกลระดับโลก ผมขอเลือกที่จะเขียนเกี่ยวกับประเด็น เราได้อะไร จากการแข่งขันครั้งนี้

ในโลกออนไลน์ แฟนเทนนิส ต่างมีความคิดเห็นในทิศทางเดียวกัน คือ ข้องใจกับการตกรอบรองชนะเลิศของนาดาล บ้างก็ว่า นาดาล ตีตั๋วบินไปญี่ปุ่น (รายการที่ นาดาล มีคิวต้องไปแข่งขันต่อจากบ้านเรา) ล่วงหน้า เพื่อบินในวันเสาร์ ทั้งๆที่รอบชิงคือวันอาทิตย์ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ นาดาล ตกรอบรองวันเสาร์ และ บินออกจากประเทศไทยทันที บ้างก็ว่านาดาลอึดอัดกับกิจกรรมที่รัดตัว และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จนไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว แต่ที่ฟังดูมีน้ำหนักที่สุดจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์คือการอารักขา นาดาลขนาดเจ้าตัวยังบ่นว่า อึดอัดที่ไม่สามารถให้เวลาถ่ายรูป หรือ แจกลายเซ็นกับแฟนๆเทนนิสที่มาให้กำลังใจเท่าที่เจ้าตัวปรารถนาได้ สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆที่ควักเงินซื้อตั๋วราคาแพงๆโดยหวังเล็กๆว่าจะได้ใกล้ชิดกับนักกีฬาคนโปรดบ้าง นี่แหละครับคือประเด็น เมืองไทยต้องการความพอดี!” ในเมื่อนักกีฬามีความสุขที่อยากจะใช้เวลากับแฟนๆบ้าง เราก็เคร่งกฎซะตึงจนทั้งนักกีฬา และ แฟนๆไม่มีความสุข ในขณะเดียวกันฟุตบอลลีกสูงสุดของประเทศไทย นัดสุดอื้อฉาวที่ ชลบุรี เปิดบ้านเสมอ อินทรีเพื่อนตำรวจ ไป 3-3 แต่กลับมีเหตุการณ์วุ่นวายของแฟนบอลเจ้าบ้าน ที่สร้างความปั่นป่วนหลังจบเกม ขว้างปาขวดใส่ผู้ตัดสิน และขว้างปาสิ่งของมายังแฟนบอล อินทรีเพื่อนตำรวจ จนทำให้มีกองเชียร์ผู้หญิงของทีมเยือนได้รับบาดเจ็บถึงขนาดหัวแตก ทีแบบนี้ควรจะเคร่งกฎ ก็ปล่อยปละละเลย และ บทลงโทษก็สุดแสนจิ๊บๆ (ชลบุรีถูกปรับ แค่ 15,000 บาท แถมยังโชคดีไม่โดนแบนเรื่องการใช้สนามเหย้า) หากยังมีเหตุการณ์แบบนี้ต่อไป หากยังไม่มี ความพอดี ในทุกๆเรื่องของผู้มีอำนาจ ผู้จัดการแข่งขัน และ ผู้ใหญ่ของทีม ความตกต่ำทั้งเรื่องของ ศรัทธา & กระแสก็จะเกิดขึ้นกับแฟนกีฬา และ กีฬาไทยอย่างแน่นอน เอาง่ายๆเลยครับ หากแฟนบอลของทีมคุณกะรุมทำร้ายกรรมการ มีการเขวี้ยงปาสิ่งของ และ สโมสรถูกปรับแค่นี้ สะเทือนไหม? ไม่สะเทือน! แล้วแฟนบอลมีสิทธิ์ก่อเหตุแบบนี้อีกไหม? โอกาสสูง เพราะระบบรักษาความปลอดภัยหละหลวมจนหาผู้ทำผิดมาลงโทษไม่ได้ & แบนไม่ให้เข้าไปทำเหตุอุบาจน์ซ้ำสอง ก็ไม่ได้! แฟนบอลทีมเยือนที่เป็นเด็ก ผู้หญิง จะกล้าเข้าสนามบอลไหมเพราะมีโอกาสถูกขว้างจนหัวแตก หรือ ถูกกองเชียร์เจ้าบ้านมารอดักหน้าประตูเพราะไม่พอใจกับผลการแข่งขัน? ผมเป็นผู้ชายยังไม่กล้าเลยครับ! นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย หากทุกฝ่ายจริงจัง และ มุ่งมั่นที่จะร่วมกันพัฒนากีฬาไทย!

เราได้อะไรจาก Thailand Open 2010? การแข่งขันครั้งนี้ เปลี่ยนมุมมองในเชิงกีฬา และ สร้างแรงบันดาลใจใหม่ให้ผมพอสมควร ผมเคยเชื่อว่า การมีทีมฟุตบอลระดับโลก การที่นักกีฬาชื่อดังมาแข่งขัน จะเป็นประโยชน์กับวงการกีฬาไทย มาวันนี้ผมชักไม่ค่อยเชื่อในปรัชญานี้อีกแล้ว การเชิญ ลิเวอร์พูล มาแข่งกับไทยมีประโยชน์อันใดกับประเทศไทย นอกจากเราได้ถ่ายรูปกับนักบอลหงส์แดงตัวเป็นๆ แลกกับเงินที่ไหลออกจากเรามหาศาล? เค้ามาก็เล่นไม่เต็มที่อยู่แล้วเพราะเค้ากลัวเจ็บ แต่เค้าอาจเตะเราได้เต็มที่ทั้งที่เค้าตัวใหญ่กว่าเพราะเรากลัวเค้าเจ็บและจะไม่ยอมกลับมาอีก นักฟุตบอลทีมชาติไทยต่างเสียใจ และ น้ำตา! ราชมังคลา สนามของเรามีคนใส่สีแดง 99% หลายท่านอาจมองว่าผมคิดมาก ลองหลับตานึกดูซิครับ ไม่ต้องถึงขนาดเป็นพ่อ แม่ หรือ ครอบครัวเราหรอก เอาแค่ ลีซอ” “ดัสกร” “กวินเป็นเพื่อนเรา เราใส่ชุดทีมชาติไทยไป แต่อีก 99% ใส่ชุดคู่แข่งไปเชียร์ในสนามของเราเอง คุณจะรู้สึกอย่างไร? แล้วที่เราไปเชียร์เค้านี่ แน่นอนเวลาสัมภาษณ์เค้าต้องตอบตามบทอยู่แล้ว สวัสดีครับ ผมรักเมืองไทย ผู้หญิงน่ารัก ผมจะกลับมาอีกแน่นอน โอ้ ไอ เลิฟ ไทยแลนด์แล้วไหว้ทีนึงเรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่น แม้ผมจะอายุแค่ 27 แต่ผมก็คลุกคลีกับวงการนี้อย่างเข้มข้นมาจะ 10 ปีแล้ว ภาพเบื้องหลังมันไม่ได้สวยงามอย่างที่เราคิดครับ มีนักกีฬาชื่อดังไม่น้อยเลยที่ดูถูกเรา เพราะเราเห็น ค่าเค้ามากกว่าคนไทยด้วยกันเอง คำพูดเช่น พวกนักกีฬาไทยต่ำต้อยขนาดคนบ้านคุณเองยังมาเชียร์พวกเราเลย น่าตลกสิ้นดีมีขึ้นทุกครั้งที่คนดังมาเยือนเมืองไทย ฉะนั้นการจ่ายเงินสิบๆล้านเพื่อดึงซุปเปอร์สตาร์มาแข่งบ้านเราจึงไม่สร้างประโยชน์ใดๆเลยให้กับวงการกีฬาไทย กลับเป็นการตอกย้ำให้นักกีฬาไทยน้อยเนื้อต่ำใจเสียมากกว่า การยอมจ่ายเงินชาวต่างชาติเป็นสิบๆล้าน แต่เบี้ยเลี้ยงนักกีฬา ทีมชาติไทยได้กันวันนึงไม่ถึง 400 บาท แถมอาหารก็ยังต้องซื้อเอง เราต้องดูแลนักกีฬาไทยครับ อย่าให้พวกเค้าเกิดความคิดที่ว่า ซวยที่เกิดเป็นคนไทย หากชั้นเก่งขนาดนี้แต่เกิดเป็นญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน หรือ อเมริกัน ชั้นเป็นมหาเศรษฐี สบายไปนานแล้ว


หากว่างเมื่อไหร่ คุณดนัย อุดมโชค ก็มาแจมร่วมสนุกกับกลุ่ม ร่วมเชียร์ไทย...ไปกับแชมป์เสมอ

ผมขอสรุปว่าเราต้องผลักดันกีฬาไทยให้เข้มข้นมากขึ้น อย่ามัวไปยกย่องคนนอก จนคนในต้องเสียใจ ถ้าให้ผมเลือกว่าอยากถ่ายรูปคู่กับใครระหว่าง เดวิด เบคแฮ่ม, เมสซี่ หรือ นาดาล? ผมคงอยากถ่ายกับ ภราดร ศรีชาพันธุ์ มากกว่า เพราะชาวไทยได้ความสุข ความภูมิใจจากพวกเค้ามากมาย ถามว่าจ่ายค่าตัว 30 ล้านบาทให้ นาดาล เขาทำอะไรให้บ้าง? คงทำไม่ได้มากเพราะ 1. การ์ดไม่ให้เข้าถึงตัวอยู่แล้ว ฮ่าๆ 2. ถ้าเขาจะสร้างอะไร ให้ทุนใครก็ให้คนในสเปนดีกว่า ในขณะเดียวกัน ภราดร ศรีชาพันธุ์ ฮีโร่ของทวีปเอเชีย ก็ไม่ลืมที่จะนำรายได้มหาศาลมาเปิดสถาบันสอนเทนนิสเปิดโอกาสให้กับเด็กไทย

เรามักภูมิใจเหลือเกินเวลาที่นักกีฬาคนดังมาเยือนประเทศไทย แต่แล้วทำไมเราไม่ช่วยกันสร้างนักกีฬาคนดังระดับโลกที่เป็นคนไทยขึ้นมาเอง! ปัจจุบันเราหมกมุ่นกับความสำเร็จ ความดัง ที่ไม่ต้องใช้เวลา ความสำเร็จในการปั้นใครสักคนไม่เหมือนการทำก๋วยเตี๋ยวสำเร็จรูปนะครับ ถามว่าปีหน้าผมอยากเห็น เฟดเดอร์เรอร์ หวดกับ นาดาล ไหม? อยากเห็น เรอัล มาดริด เตะกับ บาร์เซโลน่า ที่ราชมังไหม? ไม่เลยครับ ผมอยากเห็นการแก้ไขปัญหา และ บทลงโทษที่สมน้ำสมเนื้อในวงการฟุตบอลไทยลีกมากกว่า ผมอยากเห็นภาครัฐ และ เอกชน ส่งเสริมผลักดันนักกีฬาไทยอย่างจริงจัง จริงใจ ปราศจากการโกงกิน โดยมีผลประโยชน์ของ ชาติ นักกีฬา และ แฟนกีฬาเป็นที่ตั้ง ต่างหาก!


คุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.

ร่วมเป็นกำลังใจเชียร์นักกีฬาไทย

* ขอฝากแฟนๆของผมว่า โลเปซ อาจเป็นแชมป์ Thailand Open ปีนี้ แต่สำหรับผม มีแชมป์อีก 2 คนคือ ภราดร” & แฟนๆกีฬาไทย ที่ร่วมโครงการ เชียร์ไทย ไปกับ PTT Thailand Open 2010” แม้ลึกๆแล้วท่านรู้ว่าคนไทยอาจไม่บินไกลถึงแชมป์ แต่ท่านยังฝ่าแดด ลม ฝน น้องบางคนเร่งทำข้อสอบ เพื่อมาเชียร์ ดนัย & สนฉัตร-สรรค์ชัย เพราะท่านรู้ว่านี่เป็นหน้าที่ที่ดีของคนไทยตัวอย่าง แนวคิดนี้ก็ทำให้ท่านทั้งหลายเป็น แชมป์ในใจผมแล้วครับ ชมภาพกิจกรรมเชียร์ไทยได้ใน facebook.com/CHAMPpeerapol



พีรพล “CHAMP” เอื้ออารียกูล

twitter: http://twitter.com/CHAMPch3

youtube: www.youtube.com/thethaidream

blog: http://CHAMPch3.blogspot.com

TV Producer, TV Host, Sportscaster, Motivational Speaker & Philanthropist รายการ;
"ชอตเด็ด กีฬาแชมป์" (จันทร์ พุธ ศุกร์ 12.55 น.)


DJ รายการ “Champ Club แชมป์ ครับ!” FM 106 (ทุกคืนเสาร์ 20.30 น.)

ประธานโครงการ "ร่วมเชียร์ไทย...ไปกับแชมป์"



ที่มา ::: คอลัมน์ Young Sport Idol by แชมป์-พีรพล 106 Magazine ฉบับเดือน ตุลาคม 2553


วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

กีฬา ก็เหมือนการเมือง : หากเปิดใจฟังคนรุ่นใหม่ ไทยเจริญ



สวัสดีปีครับ พี่น้องชาวไทย อีกไม่ถึงเดือน ฟุตบอลโลก 2010 ก็จะระเบิดขึ้นแล้ว และเราคนไทยทุกคนต่างมีคำถามนี้ในใจว่า หากฟุตบอลแข่งกัน 90 นาทีจบแมชท์ เหตุการณ์ความขัดแย้งในบ้านของเราละ แข่งกันกี่นาทีจบ?”

ผมคงตอบไม่ได้ และก็คงไม่มีใครตอบได้ด้วย เพราะในขณะที่ผมเขียนคอลัมน์อยู่นั้น หากความขัดแย้งหลากสีนี้เป็นเกมฟุตบอล อาจจะมีต่อเวลาพิเศษ อาจจะยืดเยื้อไปจนถึงลูกโทษ หลังผ่าน 5 คนแรกอาจยังเสมอ ต้องมาตัดสินแบบ ซัด เด้น เดธ (sudden death = ใครเผด็จศึกก่อนชนะ และ ใครพลาดปุ๊ปแพ้) หลายท่านอาจพูดว่า น่าเบื่อ” “เมื่อไหร่จะจบเสียที” “เซ็งจริงๆ ประเทศไทยผมกลับมีมุมมองที่ต่างออกไป ผมว่าความขัดแย้งครั้งนี้อาจทำให้เยาวชนคนรุ่นใหม่สนใจการเมืองมากขึ้น พวกเค้าต้องการมีส่วนร่วมในการผลักชาติไปข้างมากขึ้น หากมีการเลือกตั้งในอนาคต จำนวนของคนที่จะออกมาใช้สิทธิ์ก็น่าจะเพิ่มขึ้นด้วย หลายคนถามผมว่าผมรู้สึกอย่างไรกับเหตุการณ์บ้านเมืองในฐานะคนของสาธารณะ ผมคิดว่า นี่คือความเหมือนของกีฬา และ การเมือง ในฐานะที่เราเป็นคนเชียร์ ในฐานะที่เราเป็นคนไทย เรามีมุมมองของเราได้ เราคิดของเราได้ แต่เราต้องให้เกียรติบุคคลที่มีความรับผิดชอบโดยตรงในการจัดการ หากเราเก่งเรื่องกีฬา เป็นเซียนวางแผน ลิเวอร์พูลที่จบอันดับ 7 อย่างชอกช้ำคงจะติดต่อคุณไปทำทีม หากคุณเก่งเรื่องการเมือง สังคมก็คงเลือกคุณเป็นส.. หรือ รัฐมนตรีไปแล้ว ผมได้อ่านทวิตเตอร์ของน้องคนหนึ่งซึ่งผมเห็นว่าน่าสนใจมากกับประโยคที่ว่า ยุติ อย่างเจ็บปวด ดีกว่าความเจ็บปวด ที่ไม่มีวัน "ยุติ"

ท่านผู้อ่านครับ หลังจากผมเรียนร้องเพลงกับ ครูอ้วน ตี 10 เสร็จ ผมเห็นกระดาษแผ่นนึงน่าสนใจ;

ครู มาจาก คุรุ

คุรุ มาจาก กูรู

กูรู มาจาก กูรู้

กูรู้ ว่า กูไม่รู้

นั่นแหละคือครูที่แท้จริง เพราะถ้าหากอะไรๆกูก็รู้แล้ว อะไรกูก็รู้หมด

ชีวิตก็ไม่เรียนรู้อะไรอีก พอมันเจออะไร มันก็ตัดสินสรุปไปตามความรู้เดิมๆของมัน

มันก็ทุกข์ซ้ำซาก สร้างปัญหาด้วยความไม่รู้ แก้ปัญหาด้วยความไม่รู้

เพราะมันไม่รู้ว่าความไม่รู้ ครอบงำมันอยู่

ผมอยู่วงการทีวีจะเข้าปีที่ 5 ผู้ใหญ่ที่ผมเคารพมักชี้ให้ผมเห็นว่า คนที่วิจารณ์นักกีฬา และ สังคมแรงสุดๆ คนที่คิดว่ารู้ทุกเรื่อง มีคำตอบสำหรับทุกคำถาม และ จะไม่พอใจอย่างแรงหากมีคนต้าน และดูเค้าไม่ฉลาด นั่นแหละคือคนที่รู้น้อยที่สุด ผมว่าคงดีหากเราถือคติแบบนี้ครับ แพ้ไม่ว่าถ้าเต็มที่ (สำหรับกีฬา) และ ช้าไม่ว่า ถ้าทำเพื่อชาติ” (สำหรับการเมือง) หากเราไม่พอใจการทำงานของนักการเมืองท่านใด อย่าพูดว่า เบื่อการเมืองแต่ตั้งใจวิเคราะห์ติดตามว่าใครคู่ควรกับการพาชาติของเราสู่ความสำเร็จ แล้วไปเลือก เค้าเหล่านั้น เมื่อวันเลือกตั้งมาถึง หนึ่งคะแนนเสียงของท่านมีความหมายเพราะ กว่าจะมีทะเลที่งดงาม ก็ต้องมีน้ำหลายล้านหยดเช่นกัน

สามัคคีกันครับ วันนี้ผมขอฝากรายการดีที่ 4 ปีมีครั้งเดียว และ เกิดขึ้นไม่บ่อยนักที่ ช่อง 3 กับ ช่อง 7 จะมาทำรายการร่วมกันนั่นคือ Road to World Cup (ถนนสู่บอลโลก) ผม และ คุณนิหน่า สุฐิตา จะพาท่านผู้ชมโหมโรงบอลโลกเต็มสตีม เจาะลึกข้อมูล 10 สนามบอลโลก คลิปเด็ดของซุปเปอร์สตาร์ลูกหนัง เพลงบอลโลกมันส์แต่งโดยคนไทย และ แขกรับเชิญสุดพิเศษ วันละครึ่งชั่วโมง เจอกันได้16.00 . (เริ่ม 22 พ.ค.)

พูดถึงสีสันบอลโลก นิตยสารต่างประเทศได้สร้างความฮือฮาโดย คัดนักบอลสุดฮอต ของแต่ละชาติ มาใส่ อันเดอร์แวร์ลายธงชาติต่างๆ โดยดิดีเยร์ ดร็อกบ้า (ไอวอรี่โคสท์) และ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) ขึ้นปกซะ หลายคนมองว่าสร้างสรรค์ หลายคนมองว่าลายธงชาติไม่ควรจะนำมาอยู่บนกางเกงใน ผมเข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายเพราะเราเกิดกันต่างยุค มีน้องๆ (ที่รักกีฬา และ รักชาติมาก เกิดแรงบันดาลใจที่เห็นนักกีฬาระดับโลก ปักธงชาติบนลิ้นรองเท้า เหมือน เดวิด เบคแฮ่ม และ แฟชั่นถ่ายแบบอย่างนี้) มาเปิดใจคุยกับผมว่าน้อยใจ อยากมีธงชาติใกล้ตัว แต่ถูกผู้ใหญ่ด่าว่าไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง วันนี้ผมขอถ่ายทอดความรู้สึกขอเด็กรุ่นใหม่ให้ท่านผู้อ่านฟังครับ;

น้องๆเหล่านี้รักฟุตบอล และ อยากให้คนไทย (ที่เห็นปกหนังสือเล่มนี้แล้วบอกว่าไม่สมควรเอาธงไปเล่นกับกกน.) เปิดใจนิดนึง เอโต้ (ที่ 2 จากขวา) และ มุนตารี่ (ซ้ายสุด) ดาวของธงชาติ (คาแมรูน และ กาน่า) อยู่ที่เป้ากางเกง น้องๆคนไทยอยากแสดงความรักชาติแบบนี้บ้าง แต่เห็นว่าประเทศเรานั้นการแสดงออกว่ารักชาตินั้นยาก (ละเอียดอ่อน) ถ้าเป็นทีมชาติไทยถ่ายแฟชั่นแบบนี้ ก็จะมีคนบอกว่าไม่เหมาะสม แต่มองในมุมกลับกันนักบอลเหล่านี้อาจบอกว่าเค้ารักชาติ เค้าก็อยากจะมีสัญลักษณ์ของชาติอยู่ใกล้กับเค้านิดนึง ผมเห็นใจเด็กหลายๆคนครับ ผมเห็นเค้าซื้อสตั๊ดคู่หนึ่งเป็นหมื่น มีธงชาติอังกฤษติดอยู่ด้วย ผมก็ถาม ทำไมถึงเป็น อังกฤษ ชอบเบคแฮ่มเหรอ?”


น้องตอบว่า พี่ ผมอยากติดเป็นธงชาติไทยใจจะขาด แต่พ่อแม่ผมเค้าบอกว่า ถ้าเอาธงชาติไปแปะที่รองเท้า ผมอาจจะติดคุก พี่แชมป์ครับผมไปอ่านมาครับ เดวิด เบคแฮ่ม เอาธงชาติติดที่รองเท้าเค้าเพราะเค้าบอกว่าเค้าจะได้ภูมิใจในทุกๆย่างก้าวที่เค้าเดิน เค้าภูมิใจของความเป็นคนอังกฤษครับ ผมไม่ใช่ไม่รักชาตินะครับผมจ่ายคู่ละหมื่นกว่าบาท แล้วก็มีคนด่าผมว่าไม่ใช่คนอังกฤษ ดันกระแดะปักธงอังกฤษ ผมก็อยากติดธงไทยแต่ผมทำไม่ได้ ผมก็รู้สึกว่าบางครั้งเนี่ยถ้าเด็กสักคนจะรักชาติมันไม่ควรจะมีกฎเกณฑ์ที่เยอะแยะขนาดนั้น”

อันนี้ก็รับฟังกัน ผมเป็นสื่อ ผมเองก็เข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย แต่ผมกลับมองว่ามันเป็นแฟชั่นนะครับ ถ้าเกิดว่าเสื้อนั้นมีธงชาติ สังคมส่วนใหญ่รับได้ แต่ถ้าเป็นรองเท้าเนี่ยคนไทยอาจถือว่าเป็นที่ต่ำ แต่คนต่างชาติเค้ามองว่าเท้าคือการย่างก้าวสู่ความสำเร็จ ฉะนั้นในเมื่อประเทศไทย ณ ปัจจุบันถูกมองว่าเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา หลายท่านบอกว่าเราต้องดูว่าชาติที่พัฒนา เค้าทำอะไร แล้วเราตาม ประเทศที่เค้าพัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศส เค้าบอกว่าธงชาติติดตรงไหนก็ได้ ถ้าคุณรักชาติ และคุณมีเจตนาที่ดี ยังดีซะกว่าคุณมีธงอยู่เต็มหิ้งในบ้านแต่คุณโกงชาติ นักฟุตบอลที่เค้าเอาธงชาติไปปักบนรองเท้า เค้าทุ่มเทเลือดทุ่มเทเนื้อ ทุ่มร่างกายให้ชาติ หากเค้าติดธงชาติตรงรองเท้า คุณควรจะซูฮกเค้ามิใช่หรือ เพราะวีรบุรุษเหล่านี้กำลังทำประโยชน์ให้ชาติ! หลายคน หลากความคิด แต่สำหรับผม ผมคิดว่าเด็กคนนั้นน่าเห็นใจที่เค้าหน้าตาเป็นคนไทย แต่ต้องติดธงชาติอังกฤษตรงรองเท้า ผมรู้สึกว่าเด็กไทยอยากรักชาติแล้วคุณเปิดโอกาสให้เค้ารักชาติหรือเปล่า? ผมอายุ 26 ผมมีคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ ที่โตมาในยุคนึง มีเพื่อนและน้องซึ่งทันสมัยมากจากอีกยุคนึง ผมมองว่าคุณจะเอาธงชาติไปติดตรงไหนก็ได้ตราบใดที่คุณมีเจตนาดี แล้วถ้าคุณเอาไปติดตรงรองเท้าเพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ไทยก้าวไปถึงบอลโลก ผมว่าติดได้ ความรักชาติมันอยู่ที่ใจ อยู่ที่การกระทำ (ที่มองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง) มากกว่าตำแหน่งของธงครับ!



ที่มา ::: คอลัมน์ Young Sport Idol by แชมป์-พีรพล @ 106 Magazine ฉบับที่ 15 เดือน พฤษภาคม 2553



 

hidden stats
Intel CoreI5 Laptop